การรักษา กระแดด อย่างถูกวิธี

กระแดด เป็นปัญหาอย่างนึงของสาวๆ ที่ทำให้ใบหน้าอันสวยงามขาวผุดผ่อง หม่นหมองลงอย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ลดความเชื่อมั่นส่วนตัวของสาวๆ ลงได้อย่างทันใด แทบจะเรียกว่า ไม่อยากเดินออกไปไหนเลยก็ว่าได้ กระแดดบนใบหน้า นั้นเป็นจุดเล็กๆ ที่มีสีต่างๆ ขนาดแตกต่างกัน แต่กระที่เกิดจากแสงแดด มักเป็นจุดสีน้ำตาล หรือสีดำ ขอบเขตค่อนข้างชัดเจน มีเส้นผ่าศูนต์กลางมักน้อยกว่า 0.5 ซม. และอาจเกิดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก หรือค่อยๆ เกิดทีละจุด

บริเวณที่พบได้ง่ายคือ ส่วนของร่างกายที่ถูกแสงแดดบ่อยๆ เช่น ใบหน้า แขน ขา คนทั่วไปมักเชื่อกันว่า สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ แบบ Autosomal dominants คือ ถ้าพ่อหรือแม่ มีกระ ลูกจะมีโอกาสเป็นกระได้ถึง 50% ทีเดียว มักพบได้บ่อยในคนผิวขาว โดยเฉพาะฝรั่งที่มีผิวสีขาวมากๆ สำหรับคนเอเซียอย่างเราไม่พบกระแดดมากเท่าคนในฝั่งยุโรป อเมริกา แต่ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีเชื้อสายจีน หรือ ลูกครึ่งฝรั่ง พบได้ตั้งแค่วัยเด็ก จนถึงวัยรุ่น กระไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างใด ยกเว้นเรื่องความสวยงาม แน่ละ ปัญหานี้เป็นปัญหาหลักของสาวๆ เลยทีเดียว

ในปัจจุบันนั้นการรักษากระแดดอาจทำได้โดยการจี้กระด้วย laser ซึ่งทำให้กระหายได้ ในบางรายที่เป็นไม่มาก หรือไม่ลึกมาก แต่การรักษากระแดดด้วย laser นั้นก็มีผลข้างเคียง อาจทำให้เกิดรอยดำ หรือ รอยหลุมได้ และวิธีที่ทันสมัยอีกอย่างคือการฉายคลื่นความถี่จำเพาะด้วยเครื่อง IPL จะใช้หลักการฉายพลังงานความร้อนที่จำเฉพาะเม็ดสีของกระ แล้วทำให้กระ แตกกระจายซึมหายไป มักใช้ในกรณีที่มีกระฝังลึก และหากกำจัดด้วยเลเซอร์แล้วอาจทำให้เกิดรอยหลุมได้ วิธีนี้มักไม่พบผลข้างเคียงใดๆ เป็นวิทยาการใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่มีราคาแพงและต้องทำหลายครั้ง รอยกระ จึงจะจางหายได้

วิธีการรักษาฝ้า และ กระแดด อย่างง่าย

ส่วนใหญ่นั้นการป้องกันจะทำได้สะดวกกว่าการรักษาอย่างมากทีเดียว ผลิตภัณฑ์ป้องกันยูวีมีความสำคัญสูงสุด ในการรักษาฝ้าและกระแดดยิ่งกว่าครีมลดรอยดำเสียอีก แต่จะต้องทาทุกวันและตลอดวันอย่างเคร่งครัด ต้องทาใหม่ทุกครั้งที่ล้างหน้า ถ้าทาครีมลดรอยดำโดยไม่ทาครีมป้องกันยูวี ฝ้าจะไม่มีทางดีขึ้น ผู้ที่มีผิวหน้ามันควรเลือกผลิตภัณฑ์ชนิดไม่มัน (non-oil) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิว

ผลิตภัณฑ์ป้องกันยูวีที่เหมาะสมที่สุดคือครีมปรับสีผิวให้ขาว (Whitening) ผสมกับครีมป้องกันยูวี เนื่องจากจะช่วยปรับสีผิวตรงส่วนที่ปกติให้ขาวกลมกลืนกับส่วนที่เป็นฝ้าหรือกระแดดได้ดีกว่า และป้องกันการกลับเป็นใหม่ได้มากกว่า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันยูวีได้ประมาณ SPF 15– 30 ซึ่งจะป้องกันยูวีได้ดีเพียงพอในที่ร่ม ถ้าสูงมากกว่านี้มักทำให้ผิวมัน เกิดการอุดตันของรูขุมขนก่อให้เกิดสิว และกระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น มิหนำซ้ำยังป้องกันยูวีที่เกิดจากการตากแดดโดยตรงไม่ได้อยู่ดีนะคะ

การทาครีมลดรอยดำวันละ 1-2 ครั้ง ครีมรักษาฝ้ารุ่นเก่า ที่สถานพยาบาลส่วนใหญ่นิยมใช้มานาน10– 20ปีจนถึงปัจจุบัน มักมีส่วนผสมของสารไฮโดรควิโนน ( HQ ) ซึ่งจะทำให้ฝ้าจางเร็ว แต่มีผลข้างเคียงสูงคือทำให้หน้าแดงในระยะแรก แล้วเปลี่ยนจากฝ้าชั่วคราวในชั้นหนังกำพร้า ให้ลงลึกลงไปสู่ชั้นหนังแท้ จนกลายเป็นฝ้าถาวรซึ่งไม่มีทางรักษาให้หายได้อีกเลย ยาทาฝ้ารุ่นใหม่จะไม่มีสารชนิดนี้ผสมแต่มีข้อเสียคือฝ้าจางช้าลง แต่ถ้าทาติดต่อกันเป็นเวลานานเพียงพอ ก็จะได้ผลดีพอๆกัน และไม่ทำให้หน้าแดงหรือกลายเป็นฝ้าถาวร จึงไม่ควรใช้ยาทาฝ้าชนิดที่ผสมสารไฮโดรควิโนน เพื่อให้รักษาได้ผลเร็วขึ้น แพทย์อาจทายาช่วยผลัดผิวด้วยกรดผลไม้ให้ที่สถานพยาบาล เดือนละ 1 – 2 ครั้ง เลยทีเดียว

หลังจากฝ้าจางมากแล้ว ห้ามหยุดทาครีมเด็ดขาด ควรเปลี่ยนเป็นครีมลดรอยดำชนิดอ่อนบริเวณรอยฝ้าหรือกระเดิม และทาผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวให้ขาวผสมครีมป้องกันยูวีทั่วใบหน้าในเวลาเช้าและเที่ยง และไม่ให้ใบหน้าโดนแดดตรงๆตลอดไป เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าที่มันมากควรใช้สบู่ล้างหน้าสำหรับรักษาสิว เพราะผลิตภัณฑ์ป้องกันยูวีบีมักจะทำให้หน้ามันยิ่งขึ้นซึ่งอาจเกิดสิวตามมา หรือใช้ toner เช็ด ส่วนผู้ที่หน้าแห้งหรือผิวแพ้ง่ายควรใช้สบู่สำหรับผิวแห้ง

สาวๆ ทั้งหลายคะ แม้ว่าจะดูแลอย่างดีเพียงใด ฝ้าและกระแดดก็มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้ทุกเวลา เพราะคงไม่มีใครที่จะป้องกันตนเอง ไม่ให้โดนแสงทุกชนิดได้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอดปี เมื่อเกิดกระแดด หรือฝ้าด่างดำกำเริบ ให้กลับมาทาครีมลดรอยดำอีกตามขั้นตอนเดิม ไม่เช่นนั้นก็ต้องมีการป้องกันอย่างถูกวิธีเสียแต่แรก ไม่ต้องยุ่งยากพอกตัวด้วยครีมกันไปตลอดชีวิต

แนวทางการป้องกัน และ รักษา กระแดด

• ควรเลี่ยงแสงแดด หรือ ทาครีมกันแดด SPF > 15 เป็นประจำ
• กรณีต้องอยู่กลางแดดนานๆ ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF > 30 ขึ้นไป และทาต่อเนื่องทุก 30 นาที
• การใช้ครีมลดเลือนจุดด่างดำนั้นทำได้ แต่ต้องระวังเพราะครีมบางชนิดมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน (สารฟอกขาว) ซึ่งเป็นสารอันตราย
• แต้มกระด้วยสารเคมี เช่น 70-100 % AHAs หรือ 50%TCAจะช่วยให้กระจางลงได้
• การทำไอออนโต ด้วยกลุ่มวิตามินเอ ซี จะช่วยฟอกสีกระให้จางลงได้
• การทำ Phonophresis ด้วยยากลุ่มวิตามิเอ และวิตามินซี กระในบริเวณรอบดวงตา ก็จะช่วยให้สีกระจางลงได้เช่นกัน
• การใช้เครื่องสำอาง ตกแต่งอำพราง กรณีที่ไม่สามารถพบแพทย์ได้

เคล็ดลับความสวย เพิ่มเติม ในเรื่องของ ยาทาฝ้ากลุ่มไฮโดรควิโนน การใช้ครีมทาฝ้ากลุ่มไฮโดรควิโนนนั้น อันตรายไหม?? เห็นมีหลายประเทศห้ามใช้สารนี้?? หลากหลายคำถามกับสารไฮโดรควิโนน หรือสารฟอกขาว นั้นมีการห้ามใช้สารไฮโดรควิโนนในหลายประเทศจริง แต่เป็นการห้ามใช้ในรูปเครื่องสำอาง แต่ยังใช้ในรูปยาที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ได้ โดยในปัจจุบันยังจัดว่าไฮโดรควิโนนเป็นสารมาตรฐานสำคัญ (gold standard) ในกลุ่มยาทารักษาฝ้า

ไฮโดรควิโนน ถูกมองว่าเป็นสารอันตรายและถูกห้ามใช้ในรูปเครื่องสำอางในหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และไทย ทั้งนี้น่าจะเกิดจากการให้ความสำคัญกับผลการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับผิวของมนุษย์ โดยนักพิษวิทยาได้ทดลองฉีดสารไฮโดรควิโนนปริมาณสูงเข้าช่องท้องของหนูทดลองและพบเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (adenoma) ที่ตับและไตในหนูสายพันธุ์หนึ่ง

แต่ไม่พบในสายพันธุ์อื่นๆ จากการสำรวจของฝรั่งเศสร่วมกับสหรัฐอเมริกาพบว่ามีไฮโดรควิโนนในอาหารที่มนุษย์กินประจำวัน และสามารถพบสารไฮโดรควิโนนจากการเจาะเลือด แต่ก็ไม่เคยมีรายงานการเกิดมะเร็งในมนุษย์จากสารไฮโดรควิโนน นอกจากนี้ยังพบว่าขนาดยาไฮโดรควิโนนที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจากการทา มีปริมาณไม่มากกว่าที่ได้รับจากการกินอาหารทั่วไป ส่วนภาวะการเกิดฝ้าถาวร (exogenous ochronosis) จากการทาไฮโดรควิโนนนั้นพบได้น้อยมาก ในสหรัฐอเมริกามีรายงานเพียง 22 รายในช่วงเวลานานกว่า 50 ปี

สำหรับข้อควรระวังในการใช้ยาทาไฮโดรควิโนน คือ ก่อนใช้ยาทาตัวนี้อาจทดสอบโดยทาผิวที่ไม่มีรอยแตก หากเกิดอาการคัน มีตุ่มน้ำใส และ/หรือผิวอักเสบแดงก็ไม่ควรใช้ยา ในการทายาต้องระวังไม่ให้สัมผัสนัยน์ตา ห้ามใช้ยาเพื่อป้องกันผิวไหม้แดด ถ้าใช้ยาทานาน 2 เดือนแล้วฝ้าไม่จางลงให้งดยาตัวนี้ มีบ้างในบางรายที่ฝ้าอาจมีสีเข้มขึ้นเป็นสีดำ-น้ำเงิน ก็ให้หยุดยาเช่นกันแต่พบได้น้อย ที่สำคัญการใช้ยาทาตัวนี้ให้ใช้เฉพาะใบหน้า คอ มือ หรือแขนเท่านั้น

ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะใช้ครีมหรือเครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของยาทาฝ้ากลุ่มไฮโดรควิโนน แล้วเรามาสวยด้วยกันนะคะ

ที่มา cosmeticprotection.org / kingdomplaza.com / irfthai.wordpress.com ภาพประกอบจากหลายแหล่ง เรียบเรียงใหม่โดย beautyfullallday.com