จากรายงานข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากสำนักข่าวเอเอฟพี เขาได้รายงานมาว่า มีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่ได้รับการตีพิมพ์
ในวารสาร สถาบันมะเร็งแห่งชาติเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ในงานวิจัยนี้ ได้ให้ข่าวว่า ผู้หญิงที่ใช้น้ำยายืดผม เป็นประจำ มีความเสี่ยงที่จะเป็น มะเร็งปากมดลูก มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ยืดผมเลย
เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ ต่างออกมาแสดงความชื่นชมกันล้นเหลือ เกี่ยวกับการวิจัยนี้ พร้อมเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะต้องมีการวิจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมในประเด็นที่ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อน เพื่อที่จะยืนยันการค้นพบดังกล่าวว่า มีโอกาสเป็นได้มากน้อยเพียงใด
เสี่ยงเป็นมะเร็งถึง 2 เท่า หากใช้น้ำยายืดผม
โดยนางอเล็กซานดรา ไวท์ นักวิจัยโรคมะเร็ง แอดมินงานวิจัยหลัก ร่วมกับสถาบันการแพทย์แห่งชาติสหรัฐ ได้เผยว่า การค้นพบดังกล่าว เป็นการค้นพบเพิ่มเติมจากงานวิจัยชิ้นก่อนหน้า ที่พบความเชื่อมโยงระหว่างน้ำยาย้อมผมถาวร รวมถึงน้ำยายืดผม กับมะเร็งเต้านมรวมทั้งมะเร็งปากมดลูก อีกทั้งน้ำยายืดผมที่วางจำหน่ายในท้องตลาดนั้น มีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิด รวมถึง สารที่ไปรบกวนระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งคาดว่า จะส่งผลเสียในด้านสุขภาพ จนก่อให้เกิดมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมน
รวมไปถึงการวิจัยครั้งนี้ ก็เน้นไปที่การเกิดมะเร็งปากมดลูก เพียงอย่างเดียว
การวิจัยนี้ พึ่งข้อมูลที่ได้จากตัวอย่างของ หญิงชาวสหรัฐมากกว่า 33,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 35-74 ปี ที่ตกลงยินดีเข้าร่วมการวิจัย ของ Sister Study เพื่อศึกษาเกี่ยวกับ เหตุเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง บวกกับโรคอื่น ๆ ที่สามารถพบได้ หมายรวมไปถึงพบว่า ในระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ผู้หญิง 378 คนที่เข้าโครงการ ตรวจพบมะเร็งมดลูก ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ที่มีสาเหตุมาจากการที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากจนเกินไป
นักวิจัยยังพบอีกว่า การเกิดมะเร็งมดลูก ร่วมกับการใช้น้ำยายืดผม มีความเชื่อมโยงกันอยู่มาก ในบรรดาผู้ที่ใช้น้ำยายืดผม มากกว่า 4 ครั้งต่อปี มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ไม่เคยใช้น้ำยายืดผมเลย อยู่ที่ 2.5 เท่า
แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่พบความเชื่อมโยง ระหว่างมะเร็งมดลูกประกอบกับผลิตภัณฑ์ด้านผม ชนิดอื่น เช่น น้ำยาย้อมผม น้ำยาฟอกสีผม น้ำยาทำไฮไลท์ผม หรือน้ำยาดัดผม
สาเหตุโรคมะเร็งปากมดลูก
เชื้อ HPV มีบทบาทสำคัญในการเกิดมะเร็งปากมดลูก เมื่อเซลล์ปกติที่อยู่บริเวณปากมดลูกเกิดการกลายพันธุ์จะส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งได้ อย่างไรก็ตามคนส่วนมากที่ได้รับเชื้อไวรัส HPV เซลล์อาจจะยังไม่พัฒนาเป็นมะเร็งตั้งแต่แรกที่ได้รับเชื้อ สาเหตุด้านสภาพแวดล้อมหรือรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลอาจส่งผลต่อการเกิดโรคด้วยเช่นกัน
ต้นเหตุเสี่ยงที่ก่อมะเร็งปากมดลูก
เหตุเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น ได้แก่
- การมีคู่นอนหลายคน หรือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
- การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆ อย่างเช่น โรคติดเชื้อคลามีเดีย (chlamydia) โรคหนองในแท้ (gonorrhea) โรคซิฟิลิส (syphilis) หมายรวมไปถึงโรคติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ (HIV/AIDS)ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดีจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าคนทั่วไปโดยเฉพาะหากระบบภูมิคุ้มกันต่ำ
- การสูบบุหรี่
การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ป้องกันได้ เริ่มจากแนะนำให้ลดต้นสายปลายเหตุเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน หมายรวมไปถึงงดสูบบุหรี่ เป็นต้น นอกจากนี้ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV (HPV vaccine) ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกและรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งได้
นอกจากนี้การป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูง ยังสามารถป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด ช่องคลอด ทวารหนัก ร่วมกับมะเร็งช่องปากได้อีกด้วย โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีด HPV วัคซีน ที่ช่วงอายุ 11 หรือ 12 ปี ถึงอายุ 26 ปี ประกอบไปด้วยได้ผลดีที่สุดในคนที่ไม่เคยได้รับเชื้อหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว แพทย์ก็ยังแนะนำให้ไปตรวจภายในแล้วก็คัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามปกติ
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีทั้งวิธีการตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) และวิธีตรวจ เอชพีวี ดีเอ็นเอ (HPV DNA) สำหรับการตรวจแปปสเมียร์ แพทย์จะทำการป้ายเซลล์จากปากมดลูกเพื่อเก็บไปตรวจหาความผิดปกติ หรือปัจจุบันใช้วิธี Liquid-base cytology (LBC) เป็นการเก็บเซลล์จากปากมดลูกใส่ในของเหลวเพื่อตรวจหาเซลล์ผิดปกติ ซึ่งให้ผลตรวจที่ชัดเจนมากขึ้น
การตรวจแปปสเมียร์ หรือ LBC จะสามารถตรวจหาได้ทั้งเซลล์มะเร็ง รวมไปถึงเซลล์ที่มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการตรวจเชื้อ HPV DNA สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจคัดกรองมากขึ้น
ผู้ป่วยควรจะปรึกษาแพทย์สำหรับแนวทางการตรวจคัดกรองมดลูก โดยทั่วไปจะแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองมดลูกในหญิงที่อายุ 21 ปี ขึ้นไป
ที่มา : msn.com / โรงพยาบาลเมดพาร์ค (ข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งมดลูก)/ swenth.com
เรียบเรียงใหม่จากเนื้อหาเรื่อง : ผักต้านมะเร็ง และอย่าพลาดเรื่องราวต่าง ๆ จากเรา ที่เดียว
บริการ Guest Post กับเรา เคล็ดลับความสวย
ขอบคุณที่เข้ามาตามอ่าน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : บริการ Guest Post จาก คนเขียนบล็อก กดเลย
เคล็ดลับสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
โรคภัยไข้เจ็บ
เลือดข้น โรคที่ไม่ดีต่อร่างกาย
อาการ เลือดข้น ถือว่าเป็นอาการผิดปกติของร่างกาย และถือเป็น โรคชนิดหนึ่งเรียกว่า “โรค เลือดข้น” เป็นภัยเงียบที่หลายคนอาจยังไม่รู้ตัว
เคล็ดลับสุขภาพดี
นักโภชนาการ แนะนำ ผู้สูงอายุควรทานผักต้มบ่อย ๆ
ประเทศไทย ได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาแล้ว แม้จะยังไม่เต็มตัว แต่ก็พูดปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนผู้สูงอายุในประเทศเรานั้น ติด 1 ใน 3 ของเอเซียไปแล้ว
ลดและควบคุมน้ำหนัก
เคล็ดลับลดน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหาร
วิธีการลดน้ำหนักสำหรับคนขี้เกียจ ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่ต้องวุ่นวายทรมานร่างกายเหมือนวิธีอื่นๆ แต่ข้อจำกัดคือการควบคุมตัวเอง
เคล็ดลับความงาม
ปลา สุดยอดอาหารบำรุง
โดยทั่วไปแล้ว ปลา เป็นแหล่งโปรตีนที่หาได้ง่ายในบ้านเรา ทุกครัวเรือนล้วนหาปลามารับประทานเป็นอาหารได้อย่างไม่ลำบาก
ลดและควบคุมน้ำหนัก
กินอย่างไร ให้ผอม
ครั้งก่อนได้ลงบทความเกี่ยวกับ ระบบการย่อยอาหารไปแล้ว และควรรู้คร่าวๆ แล้วว่า อาหารประเภทไหนย่อยง่าย ยากแค่ไหน
เคล็ดลับความงาม
อาชีพที่เสี่ยงเป็นเส้นเลือดขอด
ปัญหาเส้นเลือดขอด (Varicose Veins) หรือ Spider Vein มักเกิดตามผิวของขาตั้งแต่บริเวณตาตุ่มขึ้นไปจนถึงขาหนีบด้านใน พบบ่อยบริเวณน่อง