สมัยก่อนนี่ผู้หญิงส่วนมากต่างก็พากันหวาดกลัวภาวะไข้ทับระดูหรืออาการเป็นไข้ระหว่างมีประจำเดือนค่ะ เพราะบางคนเป็นมากอาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว
เพราะ ไข้ทับระดู นี่เองในอดีตอาจเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิง เพราะสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการมีเพศสัมพันธ์แล้วได้รับเชื้อกามโรคจากคู่นอนหรือสามี แต่ในปัจจุบัน เมื่อได้ยินชื่อของโรคแล้วผู้หญิงคิดถึงเพียงแต่ว่าเป็นโรคที่มีอาการป่วย เป็นไข้ ไม่สบายในช่วงเวลาของการมีประจำเดือน บางคนแค่กินยาแก้ปวดลดไข้ธรรมดาก็หาย แต่ในขณะที่บางคนทานยาแล้วอาการกลับไม่ดีขึ้น เพราะอะไร
ไข้ทับระดู จะเป็นในระหว่างที่มีระดูได้ครึ่งวัน หนึ่งวัน หรือสองวัน มักจะมีอาการปวดหัว ตัวร้อน ไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องน้อย ตกขาวออกเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีประจำเดือนออกมาก และมีกลิ่นเหม็น หมอจะตรวจวินิจฉัยโรคจากอาการไข้สูงและกดเจ็บมากบริเวณท้องน้อยข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง บางครั้งพบอาการซีดหรือภาวะช็อกร่วมด้วย หมอจะหาสาเหตุด้วยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะเพื่อหาเชื้อหรืออาจมีการตรวจอัลตร้าซาวน์ร่วมด้วย
ไข้ทับระดูอาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้โดยที่ไม่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับประจำเดือนก็ได้ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ มาลาเรีย ไข้เลือดออก และไทฟอยด์ เป็นต้น แต่มาเป็นในจังหวะเวลาเดียวกับช่วงที่มีประจำเดือนก็ได้ รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นารีเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลว่า ไข้ทับระดูสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ
- ไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง โดยจะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดภายหลังทานยาแก้ ปวดลดไข้ก็หายได้ สาวๆจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงที่เกิดขึ้นระหว่างมีประจำเดือนซึ่งบางครั้งอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือปวดประจำเดือนร่วมด้วย
- ไข้ทับฤดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง จะมีอาการไข้ขึ้นสูงหนาวสั่น ปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้องน้อย มีตกขาวปนหนองออกมาระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งบางครั้งประจำเดือนอาจมีมากผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น หากมีอาการจะรุนแรงมากขึ้นในทุกๆรอบเดือนนั่นเป็นสัญญาณของ โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง
เนื่องจากขณะมีประจำเดือนร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่นเอสโตเจนและโปรเจสเตอโรนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล มีภูมิต้านทานลดน้อยลงจึงมีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อง่ายกว่าปกติ อีกทั้งมีโอกาสติดเชื้อในมดลูก และปีกมดลูกได้มากกว่าปกติอีกด้วย
ไข้ทับระดู หรือทางการแพทย์เรียกว่า โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์หรือการไม่รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้ยังเป็นที่มาของ โรคปีกมดลูกอักเสบ ที่เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกัน
ทางการแพทย์เรียกเชื้อแบคทีเรียนี้ว่า คลามีเดีย เชื้อทีว่านี้จะเข้าไปทำลายท่อรังไข่ หรืออวัยวะใกล้เคียงได้ หากไม่ได้รับการรักษาจะเกิดการอักเสบของอุ้งเชิงกรานสูงถึงร้อยละ 40 ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น เป็นหมัน มีบุตรยากหรือเสียชีวิตได้ในที่สุด โดยมักจะเกิดกับผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 25 ปีเนื่องจากปากมดลูกยังไวต่อการติดเชื้อนั้นเอง
สำคัญที่สุดคือ พยายามพักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ ลดกิจกรรมประจำวันลง ทานอาหารที่มีประโยชน์ย่อยง่าย เช่น พืชผักพลไม้ต่างๆ ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยไม่ต่ำกว่า 2 ชิ้นในหนึ่งวันเพื่อความสะอาดของสุขอนามัยส่วนตัว มะขามดำ หรือ มะขามเทวดา สมุนไพรที่สยบและรักษา โรคไข้ทับระดู ของผู้หญิงได้
ที่มา thaihealth.or.th / teenee.com อ้างอิง https://www.kasetorganic.com
เคล็ดลับสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
ปัญหาหนังศีรษะ
สมุนไพรแก้ผมร่วง ทำให้เส้นผมเงางาม สวย
ผมร่วง อาการนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เป็นต้นว่าเกิดการระคายเคืองหนังศีรษะ เช่น ใช้แชมพูเข้มข้นมากไป แชมพูเป็นด่างมากไป
เคล็ดลับสุขภาพดี
เมนูผักเพื่อสุขภาพดี
ปลูกผักกินเอง มีประโยชน์อย่างมากมาย ซึ่งเราสามารถที่จะรู้ได้เลยว่าเราใส่อะไรเข้าไปในดิน น้ำ และผักสามารถดูดสารอะไรเข้าไปในตัวผัก
เคล็ดลับสุขภาพดี
การทำให้ตับแข็งแรงและสุขภาพดี
หากจะทายว่าอะไรเป็นอวัยวะที่พบในสัตว์ชนิดต่างๆ ได้ทุกชนิด และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเมทาบอลิซึม รวมทั้งมีหน้าที่หลายประการในร่างกาย
ลดและควบคุมน้ำหนัก
อ้วนกับอาหารว่าง
เคยรู้หรือไม่ว่า อาหารว่าง หรือ Snack ต่างกับมื้ออาหาร Meal อย่างไร เชื่อแน่ว่าหลายคนยังคงสับสนอยู่ แต่ถึงแม้ว่าจะรู้แต่ก็ยังคงปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่าเป็นมื้ออาหาร
โรคภัยไข้เจ็บ
Chocolate cyst ซีสต์ในรังไข่
ใครเคยเป็น Chocolate cyst หรือ ซีสต์ในรังไข่ บ้างยกมือขึ้น คงเป็นอีกอาการสำหรับสาวๆ ที่ไม่อยากจะมีอาการแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นกันมาก
สุขภาพเต้านม ทรวงอก
คำถามควรรู้กับมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม (Breast cancer) เป็นมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงไทย โดยพบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปากมดลูก โดยสามารถพบได้ 1 ใน 10 ของผู้หญิง