โดยปกติแล้ว สันหลังคนเราประกอบด้วยกระดูกสันหลังชิ้นย่อยๆ กว่า 30 ชิ้น เรียงต่อกันเป็นแนวจากต้นคอจรดก้นกบ

และระหว่างกระดูกแต่ละข้อนั้นจะมีแผ่นกระดูกอ่อนหรือที่เรียกว่า หมอนรองกระดูกสันหลัง คั่นกลางทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีและเป็นเสมือนโช็คอัพ เพื่อดูดซับและกระจายแรงอัดในการกดกระแทกจากปฏิกิริยาต่างๆ ภายในโพรงกระดูกสันนั้นจะหลังประกอบไปด้วย ไขสันหลัง

และมีเส้นประสาทแยกแขนงจากไขสันหลังไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เส้นประสาทส่วนต้นสุดที่แยกแขนงออกมาจากไขสันหลังเรียกว่า รากประสาท ซึ่งจะอยู่ชิดกับหมอนรองกระดูก

เมื่อหมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวก็จะกดทับรากประสาทที่ไปเลี้ยงแขนหรือขา ทำให้มีอาการปวดเสียวและชาของแขนหรือขา ส่วนรากประสาทที่ถูกกดทับมักจะพบบ่อยจากการเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูกสันหลังบริเวณกระเบนเหน็บหรือบั้นเอว ทำให้มีการกดทับรากประสาทไซอาติก (Sciatic Nerve) ที่ไปเลี้ยงขา

กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงจะมีอาการเป็น รากประสาทขาถูกกดทับ

  1. ผู้ที่ทำงานหนักโดยเฉพาะผู้ที่แบกของหนักเป็นประจำ
  2. ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือมีแรงกระแทกบริเวณเอว
  3. ผู้ที่มีอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน
  4. ผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกเสื่อม

โรคนี้พบได้บ่อยในคนอายุ16-60 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า มักพบในคนที่แบกของหนัก หรือได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหลัง หรือในคนสูงอายุ ที่มีหมอนรองกระดูกเสื่อม

Herniated intervertebral disks โรค และ อาการของ รากประสาทขาถูกกดทับ

อาการของโรครากประสาทขาถูกกดทับ

ผู้ป่วยอาจมีอาการเกิดขึ้นเฉียบพลันทันที (เช่น หลังจากได้รับบาดเจ็บหรือยกของหนัก) หรือค่อย ๆ เกิดทีละน้อยก็ได้ โดยมีอาการปวดตรงกระเบนเหน็บ ซึ่งจะปวดร้าวลงมาที่สะโพก ต้นขา น่อง และปลายเท้า อาการปวดจะเป็นมากขึ้นภายหลังจากการเดินมาก ๆ และอาจปวดมากเวลาก้ม นั่ง ไอ จาม หรือเบ่งถ่าย ในรายที่เป็นมาก เท้าจะไม่ค่อยมีแรงและชา อาจถ่ายปัสสาวะไม่ได้หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มักพบเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น นอกจากในรายที่เป็นมากอาจมีอาการทั้งสองข้าง ในรายที่มีการกดทับของประสาทในบริเวณคอ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณต้นคอ และปวดร้าวและชาลงมาที่ไหล่ แขน และปลายมือ มักมีอาการชาเวลาแหงนคอไปด้านหลัง หรือหันศีรษะไปข้างที่เป็น ถ้าเป็นมากแขนและมืออาจมีอาการอ่อนแรง

มีอาการปวดหลังบริเวณบั้นเอวหรือกระเบนเหน็บร่วมกับอาการปวดร้าวที่ขา ซึ่งจะปวดจากแก้มก้นลงไปที่ต้นขา น่องและปลายเท้า อาจมีอาการปวดร้าวที่ขามักจะเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น นอกจากในรายที่เป็นมากอาจมีอาการทั้งสองข้าง อาการปวดจะเป็นมากขึ้นหลังจากการเดินมากๆ และอาจปวดมากขึ้นเวลาก้ม นั่ง ไอ จามหรือเบ่งถ่าย ซึ่งในกรณีเป็นมาก เท้าจะไม่มีแรงและชา อาจปัสสาวะไม่ได้หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หากปล่อยไว้นานอาจทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรงและลีบลง และผู้ป่วยไม่สามารถยกเท้าเหยียดตรงได้ 90 องศา เช่นคนปกติหรือได้น้อยกว่าเท้าอีกข้างหนึ่ง เนื่องจากรู้สึกปวดเสียวตามหลังเท้าจนทนไม่ได้

Herniated intervertebral disks โรค และ อาการของ รากประสาทขาถูกกดทับ

การแพทย์จีน กับโรครากประสาทขาถูกกดทับ

การแพทย์จีนได้จัดโรครากประสาทขาถูกกดทับให้อยู่ในกลุ่มโรคชาและปวดเมื่อย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก ความเสื่อมตามวัยหรือพิษเย็น-ขึ้นที่สะสมบริเวณเอว ทำให้หลอดเลือดและเส้นลมปราณติดขัด กีดขวางการไหลเวียนของโลหิตและพลังลมปราณจนเกิดอาการปวดขึ้นมา ซึ่งสอดคล้องกับหลักการวินิจฉัยและรักษาอันสำคัญของการแพทย์จีนคือ ปวดแสดงว่าไม่โล่ง โล่งแล้วก็จะไม่ปวด นอกจากนี้ การไหลเวียนของโลหิตและพลังลมปราณบริเวณเอวที่ติดขัดจะทำให้เส้นเอ็น กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังได้รับการหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ พร้อมทั้งไม่สามารถขับพิษเย็น-ชื้น ที่สะสมและสารพิษต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเมตาบอลิซึมออกไปได้หมดสิ้น จึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่างๆ บริเวณกระดูกสันหลังขึ้น

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด โรครากประสาทขาถูกกดทับ

เกิดจากหมอนรองกระดูก หรือดิสก์ (disk) ซึ่งเป็นกระดูกอ่อนที่คั่นอยู่ระหว่างข้อต่อกระดูกสันหลังเลื่อนลงไป กดทับรากประสาท (nerve root) ที่ไปเลี้ยงแขนหรือขา ทำให้มีอาการปวดเสียว และชาของแขนหรือขาส่วนนั้น ทั้งนี้อาจเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดจากความเสื่อมตามอายุ ส่วนมากมักเกิดตรงบริเวณกระดูกหลัง ทำให้มีการกดทับรากประสาทไซอาติก (sciatic nerve) ที่ไปเลี้ยงขา เรียกว่า “โรคไซอาติคา (Sciatica)” ส่วนน้อยอาจเกิดที่กระดูกคอ ทำให้มีการกดทับรากประสาทบริเวณคอ ทำให้มีอาการปวดเสียวและชาที่แขน

การตรวจวินิจฉัย โรครากประสาทขาถูกกดทับ

การตรวจวินิจฉัยในรายที่มีการกดทับรากประสาทขา สามารถทำได้โดย

  • ให้ผู้ป่วยนอนหงาย แล้วจับเท้าที่สงสัยค่อย ๆ ยกขึ้น โดยให้หัวเข่าเหยียดตรง จะพบว่าผู้ป่วยไม่สามารถยกเท้าเหยียดตรงได้ 90 องศาเช่นคนปกติ หรือได้น้อยกว่าเท้าอีกข้างหนึ่ง เพราะรู้สึกปวดเสียวตามหลังเท้าจนทนไม่ได้ วิธีนี้เรียกว่า “การทดสอบเหยียดขาตรงตั้งฉาก” (straight leg raising test)
  • ใช้เข็มแทงที่หลังเท้าและน่อง ในรายที่เป็นมากจะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าอีกข้างหนึ่ง
  • ให้ผู้ป่วยออกแรงเหยียดหัวแม่เท้าขึ้นต้านแรงกดของนิ้วมือผู้ตรวจ ในรายที่เป็นมากจะพบว่ามีแรงอ่อนกว่าหัวแม่เท้าข้างที่ปกติ
  • การตรวจรีเฟลกซ์ของข้อ (tendon reflex) จะพบว่าน้อยกว่าปกติ ส่วนในรายที่มีการกดทับของประสาทในบริเวณคอ ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน ในระยะที่เป็นมากอาจพบกล้ามเนื้อแขนมีอาการชาและอ่อนแรง รีเฟลกซ์ของข้อน้อยกว่าปกติ

การบำบัดและการรักษา โรครากประสาทขาถูกกดทับ ของแพทย์แผนจีน

การรักษาโรครากประสาทขาถูกกดทับด้วยยาแก้ปวด ยาลดอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาสเตอรอยด์อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย เนื่องจากเป็นเพียงการระงับอาการปวดและอักเสบไว้ชั่วคราว แต่มิได้หยุดยั้งการลุกลามของโรค ที่สำคัญคือพิษของยาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารอักเสบ หรือแผลที่กระเพาะอาหาร พร้อมทั้งส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต สลายเลือดคั่ง ขับพิษและแก้ปวดบวม เพื่อบำบัดต้นเหตุของโรครากประสาทขาถูกกดทับโดยมีกลไกรักษาสำคัญดังนี้

กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต สลายเลือดคั่งทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตขนาดเล็ก (Microcirculation) บริเวณกระดูกสันหลังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อกระตุ้นการขับสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายข้อ สารที่ก่อให้เกิดอาการปวด (เช่น สารเบต้าโปรตีน ไกลโคโปรตีนและฮิสตามีน เป็นต้น) รวมทั้งกรดแล็กติกที่สะสมอยู่บริเวณรากประสาทออกไปให้มากขึ้น จึงสามารถลดการระคายเคืองต่อรากประสาทและบรรเทาอาการปวดบวมได้อย่างเด่นชัด

การไหลเวียนโลหิตขนาดเล็กบริเวณกระดูกสันหลังที่ดีขึ้นจะทำให้เส้นเอ็น ประสาท กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังได้รับการหล่อเลี้ยงได้มากขึ้นบริเวณที่บาดเจ็บจึงได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมได้เร็วขึ้น

ปรับลดระดับความรุนแรงของปฏิกิริยาการตอบโต้จากระบบต่อไร้ท่อเมื่อรากประสาทขาถูกกดทับ จึงลดการสร้างและการหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายข้อ พร้อมทั้งลดการหดเกร็งของหลอดเลือดบริเวณที่บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลดอาการบวมของรากประสาทและบริเวณที่บาดเจ็บ เพื่อลดแรงดึงภายในเส้นประสาทและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณกระเบนเหน็บและบั้นเอวจึงบรรเทาอาการปวดบวมและฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของเส้นประสาทได้อย่างเด่นชัด

อาการปวดหลัง อาการปวดร้าวที่ขาและอาการอื่นๆ ที่เกิดจากรากประสาทขาถูกกดทับจึงค่อยๆ ทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด

การบำบัดและการรักษา โรครากประสาทขาถูกกดทับ ของแพทย์แผนปัจจุบัน

หากสงสัย ควรส่งไปโรงพยาบาล อาจต้องเอกซเรย์กระดูกสันหลัง ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็ก (MRI) หรือทำการเอกซเรย์พิเศษ ที่เรียกว่าไมอีโลกราฟี (myelography) หรือตรวจพิเศษอื่น ๆ ถ้าเป็นไม่มาก การนอนพักอย่างเต็มที่ ให้ยาแก้ปวด และไดอะซีแพม และใช้น้ำหนักถ่วงดึง อาจช่วยให้ทุเลาได้ บางคนอาจต้องใส่ “เสื้อเหล็ก” หรือ “ปลอกคอ” ถ้ารักษาด้วยวิธีดังกล่าวไม่ได้ผล อาจต้องผ่าตัด

คำแนะนำของแพทย์แผนปัจจุบัน

  • ผู้ป่วยควรฝึกบริหารกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการเข็นหรือดันรถและระวังท่านอน ท่านั่ง ท่ายืน และท่ายกของให้ถูกต้อง อย่าให้กระดูกสันหลังบิดเบี้ยว
  • ขณะที่มีอาการกำเริบ ควรนอนหงายนิ่ง ๆ บนที่นอนแข็งตลอดทั้งวัน (ลุกเฉพาะช่วงกินอาหารและเข้าห้องน้ำ) สัก 2-3 วัน การนอนจะลดแรงกดดันที่มีต่อหมอนรองกระดูกให้เหลือน้อยที่สุด จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้

เคล็ดลับสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

โรคภัยไข้เจ็บ

ความรู้เรื่อง แคลเซียม กับ โรคกระดูกพรุน ในผู้สูงอายุ

แคลเซียม จัดเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในอันดับต้นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก

เคล็ดลับสุขภาพดี

กินอย่างไร ห่างไกลมะเร็ง

คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องกินประมาณ 80% ในชีวิตเลยทีเดียว เพราะทุกอย่างที่กินเข้าไป ย่อมส่งผลถึงร่างกายในอนาคต กินอะไร ได้อย่างนั้น

เคล็ดลับสุขภาพดี

โยเกิร์ต ทำไมจึงดีต่อสุขภาพ

เชื่อแน่ว่า สาวๆ ที่รักสุขภาพต้องเคยทานโยเกิร์ต และหลายคนที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจในการรับประทานโยเกิร์ต

เคล็ดลับสุขภาพดี

เปลือกแอปเปิ้ล ป้องกันมะเร็ง

ใครๆ ก็รู้คุณสมบัติของแอปเปิ้ลเป็นอย่างดี ผลไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณหลากหลายมาก แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ได้รับการยอมรับกันว่าดีต่อสุขภาพ

ปัญหาหนังศีรษะ

ผมสวย ด้วย พืชผักสวนครัว

สาวๆ ทราบกันหรือไม่ว่าพืชผักสวนครัว ก็สามารถทำให้เส้นผมของเรา ดูสวย เงางาม ได้เหมือนกัน วันนี้มีวิธีมาบอก เคล็ดลับผมสวย สำหรับสาวๆ รวมทั้งหนุ่มๆ ที่อยากจะมีเส้นผมเงางามมาฝาก

ลดและควบคุมน้ำหนัก

อ้วนกับอาหารว่าง

เคยรู้หรือไม่ว่า อาหารว่าง หรือ Snack ต่างกับมื้ออาหาร Meal อย่างไร เชื่อแน่ว่าหลายคนยังคงสับสนอยู่ แต่ถึงแม้ว่าจะรู้แต่ก็ยังคงปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่าเป็นมื้ออาหาร